จิ้งหรีด สัตว์เศรษฐกิจชนิดใหม่ที่มีตลาดทั่วโลก
ในปัจจุบันแมลงถูกผลักดันให้เป็นอีกหนึ่งแหล่งโปรตีนทางเลือกจากทั่วโลกส่งผลให้เกิดการเพาะเลี้ยงขึ้นในไทยเป็นจำนวนมากอีกทั้งตลาดรองรับไม่ได้มีเพียงแค่ในประเทศอีกต่อไปแต่แมลงยังสามารถทำเงินได้ดีให้กับเกษตรไทยในตลาดระดับโลกอีกด้วยจะเห็นได้ว่าเริ่มมีเกษตรกรจำนวนไม่น้อยหันมาเริ่มเพาะเลี้ยงแมลงขายอย่างจริงจังเนื่องจากต้นทุนไม่มากเลี้ยงง่ายใช้เวลาไม่นานในการเก็บเกี่ยวผลผลิตอีกทั้งยังเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคในตลาดโลกอีกด้วย
จิ้งหรีดถือเป็นอีกหนึ่งสัตว์ทางเลือกสำหรับเกษตรกรในยุคนี้เนื่องจากสามารถเก็บขายได้เร็วและมีผลผลิตตลอดทั้งปี ต้นทุนการเลี้ยงไม่สูงมาก ส่งผลให้มีฟาร์มจิ้งหรีดเกิดขึ้นอย่างมากมายในยุคปัจจุบันนี้ โดยเกษตรกรสามารถสร้างรายได้อย่างมหาศาล จากสัตว์ปีกตัวเล็กๆ อย่างจิ้งหรีด ที่มีตลาดและความต้องการไม่เล็กเลยทีเดียวโดยการเลี้ยงสัตว์ชนิดนี้นั้นไม่ยาก เพียงแค่ต้องเข้าใจความเป็นอยู่ทางธรรมชาติของมันเสียก่อน
แล้วเพาะเลี้ยงให้มีสภาพแวดล้อมใกล้เคียงกับธรรมชาติของจิ้งหรีดก็จะสามารถประสบความสำเร็จได้ซึ่งปัจจุบันวิธีการเลี้ยงจิ้งหรีดที่นิยมกันมากในกลุ่มผู้เลี้ยงก็คือการเลี้ยงในบ่อปูนซีเมนต์เนื่องจากใช้พื้นที่ไม่มากเกษตรกรบางรายอาจจะไม่จำเป็นต้องทำใหม่เนื่องจากเคยมีโรงเรือนสำหรับเลี้ยงสัตว์ชนิดอื่นๆอยู่แล้วก็สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ถือเป็นการลดต้นทุนอีกด้วยทั้งนี้ควรมีอากาศถ่ายเทได้ดีมีตาข่ายกันโรงเรือนอย่างมิดชิดเพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ชนิดอื่นๆเข้ามาได้
บ่อสำหรับเลี้ยง
ใช้บ่อพลาสติก ฟิวเจอร์บอร์ด หรือบ่อซีเมนต์ก็ได้ มีความกว้างอย่างต่ำ 1 เมตร 20 เซน ขอสูงอย่างน้อย 30 เซนติเมรต โดยใช้ผ้าเทปพันวนรอบปากบ่อด้านในประมาณ 4-5 เซนติเมตร เพื่อป้องกันไม่ให้จิ้งหรีดขึ้นมาที่ปากบ่อหรือหนีออกไป ในบ่อควรมีที่อยู่อาศัยสำหรับจิ้งหรีด โดยที่นิยมส่วนมากคือการใช้ลังกระดาษสำหรับใส่ไข่ นำมาวางซ้อนๆกันหลายๆชั้นเพื่อให้เป็นที่หลบของของจิ้งหรีด ในส่วนของก้นบ่อนั้นจะปูด้วยดินขุยมะพร้าว แกลบ หรือจะไม่ปูเลยก็ได้ ทั้งนี้ทั้งควรมีถาดอาหารเป็นภาชนะก้นไม่ลึกมากอยู่ในบ่อด้วย ส่วนน้ำควรให้เป็นระบบซึมโดยใช้วัสดุประยุกต์ต่างๆ ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้จิ้งหรีดตกน้ำ พื้นที่สำหรับวางไข่ นิยมใช้ขี้เถ้าแกลบ ใส่ถาดวางเอาไว้ในบ่อ สุดท้ายคือผ้าคลุมตาข่ายไนลอนสีฟ้าปิดปากบ่อเอาไว้เพื่อป้องกัน เชื้อโรคสิ่งสกปรกตบอดจนสัตว์ชนิดอื่นๆเข้ามาทำร้ายจิ้งหรีดภายในบ่อ
การลงจิ้งหรีด
สายพันธุ์จิ้งหรีดที่นิยมกันอย่างมาในประเทศไทย ได้แก่ จิ้งหรีดพันธุ์ทองแดง และจิ้งหรีดพันธุ์ทองดำเนื้องจากมีข้อดีคือเลี้ยงง่ายและขนาดตัวใหญ่ สวยงาม โดยการลงบ่อเพาะพันธุ์ ควรใช้พ่อแม่พันธุ์จิ้งหรีดที่โตเต็มวัยจะมีอายุประมาณ 40-45 วัน ใช้อัตราส่วน ตัวเมีย 3 ตัวต่อตัวผู้ 1 ตัวเท่านี้ก็จะสามารถมีจิ้งหรีดไข่จิ้งหรีดให้เวียนเก็บได้อย่างสม่ำเสมอ
การวางไข่
จิ้งหรีดจะวางไข่ในถาดหรือขันที่เราใส่ขี้เก้าแกลบเอาไว้ในบ่อ โดยแม่พันธุ์ 1 ตัวสามารถไข่ได้สูงสุดถึง 700 ฟอง ทั้งมีระยะเวลาฟักไข่ก่อนออกเป็นตัว ประมาณ 7 – 10 วันวิธีสังเกตเมื่อจิ้งหรีดจะเริ่มผสมพันธุ์จึงจะเริ่มส่งเสียงร้องนั่นเองเมือได้ไข่แล้วก็นำขันแยกออกไปวางไว้ในบ่อสำหรับอนุบาลต่อไป
อาหาร
โดนปกติแล้วอาหารสำหรับจิ้งหรีดมีหลากหลายทั้งจากธรรมชาอาทิ พืชตระกูลหัว มัน ฟักทอง ตลอดจนปัจจุบันมีอาหารสำเร็จมากมาย ผู้เลี้ยงสามารเลือกดูให้ตรงกับสายพันธุ์และความต้องการของจิ้งหรีดที่เลี้ยงไว้ สำหรับจิ้งหรีดแรกเกิดควรเริ่มจากการพรมน้ำเฉยๆก่อน ยังไม่ควรให้อาหารทันที ทั้งนี้จิ้งหรีดเป็นสัตว์ที่กินอาหารเยอะมากจึงควรให้ 2 ครั้ง ต่อ 1 วันโดยแบ่งเป็นเช้าและเย็นสังเกตปริมาณหากอาหารเดิมยังเหลือก็ลดปริมาณที่จะเติมลงไปในมื้อถัดไป
การเก็บขาย
จิ้งหรีดจะโตเต็มที่พร้อมให้เก็บขาย ในช่วงอายุ 40-45 วัน (ในฤดูหนาวจิ้งหรีดกินอาหารได้น้อยลงอาจจะใช้เวลามากขึ้นจึงจะได้ขนาดขาย) สามารถขายออกได้ทั้งคอก โดยวิธีการสลัดจิ้งหรีดออกจากรังไข่ในบ่อนั้นเอง ซึ่งภายใน 1 บ่อจะให้ผลผลิตเฉลี่ยอยู่ที่ ประมาณ 2-3 กิโลกรัม และราคาขายส่งในท้องตลาดอยู่ที่ ขั้นต่ำ 200 บาท ต่อ กิโลกรัม (ขึ้นอยู่กับแต่ละเจ้า)
ข้อควรระวัง
จิ้งหรีดที่เป็นสัตว์ที่ไวต่อความรู้สึกมากจึงต้องคอยระวังมลพิษต่างๆ ทั้งควันบุหรี่ ควันไฟ หรือสารเคมีอื่นๆที่ติดตัวคนเข้าไปในโรงเรือน อาจจะส่งผลให้จิ้งหรีดตายได้ นอกจากนี้ควรปิดขอบบ่อทุกครั้งป้องกันสัตว์อื่นๆที่เป็นภัยต่อจิ้งหรีด อาทิ จิ้งจก ตุ๊กแก นกขนาดเล็กเป็นต้น