นกกระจอกเทศคอแดง
นกกระจอกเทศคอแดง ถือเป็นอีกสายพันธุ์ ของนกกระจอกเทศ โดย นกกระจอกเทศ จะมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 3 สายพันธุ์ สำหรับ นกกระจอกเทศ ชื่อภาษาอังกฤษ ว่า ostrich โดยทั้งสามสายพันธุ์นั้น จะเป็นที่นิยมเลี้ยงกันโดยทั่วไป ซึ่งส่วนมากแล้ว จะนิยมเลี้ยงกัน ในแถบอเมริกา ฝรั่งเศส อิสราเอล เป็นต้น ซึ่ง นกกระจอกเทศ จะมีอยู่ด้วยกัน 4 ประเภท โดยเป็นการพัฒนา โดยการนำมาปรับปรุงพันธุ์ แต่นิยมกันเป็นส่วนมาก จะมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 3 สายพันธุ์
สายพันธุ์นกกระจอกเทศ ที่นิยมเลี้ยงกันมากที่สุด
โดย นกกระจอกเทศ ที่นิยมเลี้ยงกันทั้งการเลี้ยง เพื่อทำการค้าธุรกิจ หรือเพื่อทำการเลี้ยงกัน นั่นจะมีอยู่ด้วยกัน 3 สายพันธุ์
1.นกกระจอกเทศพันธุ์คอดำ (African black domestic หรือ Black Neck)
พันธุ์คอดำ เป็น นกกระจอกเทศ ที่พัฒนามาจากพันธุ์ S.camcius และ S.australis มีถิ่นกำเนิด และอาศัยอยู่ในซูดาน และมอรอคโค โดยจะเป็นพันธุ์ ที่คนนิยมเลี้ยงกันมากที่สุด เนื่องจาก ให้ไข่มากกว่าอื่น โดยเฉลี่ยการให้ไข่ของพันธุ์คอดำนั้น จะอยู่ที่ 80 ฟอง/ปี และยังมีขนที่ให้คุณภาพดีอีกด้วย นอกจากนั้นแล้ว ยังเป็นพันธุ์ที่ไม่ดุ และเชื่องอีกด้วย ซึ่งจะมีลักษณะคือ ผิวหนังมีสีเทาดำ ส่วนปากและเท้าจะมีสีดำ ตัวเล็ก
2.นกกระจอกเทศพันธุ์คอแดง (Red Neck)
นกกระจอกเทศ พันธุ์คอแดง เป็นพันธุ์ที่พัฒนามาจาก S.Camssaicus และ S.massaicus มีถิ่นอาศัยมาจากแอฟริกาตะวันออก ในแทบแทสมาเนีย และเคนยา เป็นพันธุ์ที่มีผิวสีชมพูเข้ม ทั้งตัวผู้และตัวเมีย โดยสำหรับตัวผู้นั้น จะมีตัวสีขาวครีม ในบริเวณหนัง ต้นขาและคอ แต่เมื่อเข้าสู่ฤดูผสมพันธุ์ จะมีสีแดงเข้ม ที่บริเวณขา และคอ ส่วนขนปลายหาง และปลายปีก จะมีสีขาวนอกนั้น จะเป็นสีดำ ส่วนตัวเมีย จะมีผิวที่เป็น สีน้ำตาลเทา โดยจะมีตัวที่ใหญ่ ขนาด 2.00 – 2.25 เมตร หนัก 105 – 165 กิโลกรัม ทำให้เป็นพันธุ์ ที่ให้เนื้อค่อนข้างเยอะ แต่ผลผลิตไข่ค่อนข้างน้อย อีกทั้ง ตัวผู้ยังดูมากเป็นพิเศษ ในช่วงผสมพันธุ์อีกด้วย
3.นกกระจอกเทศพันธุ์คอน้ำเงิน (Blue Neck)
พันธุ์คอน้ำเงิน นั้นเป็น นกกระจอกเทศ พันธุ์ที่พัฒนามาจากพันธุ์ S. molybdophanes และ S.australis โดยมีถิ่นอาศัยอยู่ที่ทางตอนเหนือ ใต้และตะวันตกของแอฟริกา อีกทั้งยังเป็น นกกระจอกเทศป่า โดยนกกระจอกเทศคอน้ำเงินนั้น จะมีสีฟ้าอมเทา ทั้งเพศผู้ และเพศเมีย โดยตัวผู้จะมีผิวสีฟ้าอมเทา ยกเว้นหน้าแข้ง ที่จะเป็นสีแดง เมื่อเข้าสู่ฤดูผสมพันธุ์ และเพศเมีย จะสีฟ้าอมเทา เมื่อโตเต็มวัย โดย นกกระจอกเทศ เพศเมียพันธุ์นี้ จะให้เนื้อ ในปริมาณที่น้อยกว่า พันธุ์คอแดง แต่จะให้ไข่ที่มากกว่า
การเลือกพื้นที่สำหรับการใช้เลี้ยงนกกระจอกเทศ
โดย นกกระจอกเทศ ชื่อทางวิทยาศาสตร์ ว่า Struthio camelus โดยทั้งสามสายพันธุ์นี้ จะมีการเลี้ยงดู ในโรงเรือนที่เหมือนกัน และยังเป็น สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ที่อาศัยอยู่ในป่า ดังนั้นแล้ว โรงเรือนที่ใช้เลี้ยง จึงต้องมีพื้นที่บริเวณที่กว้าง และเหมาะสม ฉะนั้นการเลือกพื้นที่ ในการเลี้ยงจึงมี ดังนี้
- เป็นที่ดอน ไม่มีน้ำท่วมขังปลูกพืชได้
- เป็นดินร่วมปนทราย ที่สามารถซึมซับน้ำได้ดีนั่นเอง
- มีลักษณะภูมิอากาศที่ค่อนข้างจะไปทางแห้งแล้ง เนื่องจากนกกระจอกเทศเป็นสัตว์ที่ไม่ชอบพื้นเปียกแฉะ โดยจะต้องมีปริมาณฝนอยู่ที่ 1000 มม./ปี
- เป็นพื้นที่ที่ห่างไกลคน เพื่อให้นกสามารถวิ่งเล่นได้อย่างสะดวกและไม่เครียดจากคนกลุ่มเยอะ อีกทั้งยังต้องเป็นแหล่งที่มีน้ำที่นกสามารถหากินเองได้อีกด้วย
โดยความเป็นจริงแล้ว นกกระจอกเทศ นั้นจะมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 4 ประเภท โดยที่นิยมอย่างมาก จะมีอยู่ด้วยกัน 3 พันธุ์ซึ่งเกิดจากการปรับปรุงพันธุ์ นั่นเอง