นกกระจอกเทศ เลี้ยงได้ไหม
โดย นกกระจอกเทศ ชื่อภาษาอังกฤษ ว่า ostrich นั้นเป็นสัตว์เศรษฐกิจ ที่สามารถเลี้ยง ในไทยได้แล้ว โดยจุดเริ่มต้นของการเลี้ยง นกกระจอกเทศ นั้นเริ่มตั้งแต่ปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา รัชกาลของพระเจ้าเอกทัศ ที่ราชทูตอังกฤษ ได้นำมาถวายเป็นเครื่องบรรณาการ พร้อมกับสิงโต และม้าเทศ ทำการเลี้ยงเอาไว้ในวัง ซึ่งความจริงแล้ว นกกระจอกเทศ เป็นสัตว์ที่มีถิ่นอาศัย อยู่ในแทบแอฟริกาและนิยมเลี้ยงกันมากที่สุด ในอเมริกา ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย เป็นต้น ซึ่งในตอนนี้ ทางประเทศไทยของเราเอง ก็สามารถที่จะการเลี้ยง นกกระจอกเทศ เป็นฟาร์มได้แล้ว แต่ทั้งนี้แล้ว ก็ควรมีการศึกษาขั้นตอน การเลี้ยงมาเป็นอย่างดี ด้วยเช่นเดียวกัน
ราคาค่าพันธุ์ของนกกระจอกเทศ ในแต่ละอายุ
นกกระจอกเทศ ชื่อทางวิทยาศาสตร์ ว่า Struthio camelus โดยแต่ละอายุ ก็จะมีราคาที่แตกต่างกัน ไปโดยราคาจะเริ่มต้นอยู่ที่ 2,500 บาท นั่นเอง แต่ทั้งนี้แล้ว ทางเราก็ได้ทำการ รวบรวมราคาค่าพันธุ์ของ นกกระจอกเทศ ในแต่ละช่วงอายุ มาให้สำหรับคนที่สนใจ ได้ทำการทราบกัน ดังนี้
- ลูกกระจอกเทศ 1 วัน ราคาค่าพันธุ์ 2,500 – 3,000 บาท
- ลูกนกกระจอกเทศ 1 เดือน ราคาค่าพันธุ์ 6,000 – 7,000 บาท
- ลูกนกกระจอกเทศ 2 เดือน ราคาค่าพันธุ์ 8,500 – 10,000 บาท
- ลูกนกกระจอกเทศ 3 เดือน ราคาค่าพันธุ์ 11,500 – 13,000 บาท
- พ่อพัธุ์แม่พันธุ์ จะมีราคาคู่ละ 135,000 – 150,000 บาท
การดูแลและเลี้ยงนกกระจอกเทศ ให้ถูกวิธี
สำหรับการเลี้ยงดูนกกระจอกเทศ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน มนั้นก็จะเหมือนกับการเลี้ยงสัตว์อื่นๆ ทั้วไปที่จะต้องมีโรงเรือน การรักษา การจัดการ การให้อาหาร โดยเราจะทำการแบ่ง เป็นหัวข้อที่สำคัญๆ ดังนี้
1.โรงเรือน จะต้องเป็นโรงเรือน ที่สร้างอยู่ในพื้นที่โล่ง ดอน น้ำไม่สามารถท่วมขังได้ โดยโรงเรือน จะต้องมีการแบ่งเป็นห้อง เพื่อให้ง่ายต่อการรักษา และการเก็บไข่ ไปเพราะพันธุ์
2.รั้ว จะมีความสูงอยู่ที่ 2.00 – 2.50 เมตร และเป็นวัสดุที่ไม่มีลวดหนาม สามารถใช้ตาข่ายถัก หรือลวดที่เป็นช่องๆ ได้
3.อาหาร สำหรับการเลี้ยง เป็นฟาร์มอาหารการกิน ถือเป็นเรื่อง ที่สำคัญอย่างมาก เพราะ นกกระจอกเทศ จะต้องได้รับสารที่ถูกต้อง และครบถ้วน ซึ่งส่วนใหญ่อาหาร ที่นกกระจอกเทศกิน ก็จะเป็นพวกพืช ผักและแมลงตัวเล็กๆ เช่น จิงจก ลูกกบ เป็นต้น
4.การดูแลไข่ที่เตรียมพร้อมในการฟัก สำหรับไข่ที่พึ่งเก็บออกมานั้น จะทำการร่มควัน ด้วยก๊าซฟลอมาดิไฮด์ เพื่อทำการฆ่าเชื้อ ก่อนเก็บเข้าห้องที่มีอุณหภูมิ 20 – 22 องศา โดยจะต้องเก็บไม่เกิน 7 วันเท่านั้น โดยจะต้องทำการกลับไข่ อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง หลังจากนั้น เมื่อครบเวลาแล้ว ให้นำไข่มาปรับตัว ที่อุณหภูมิห้องปกติ 8 – 10 วัน ก่อน
5.อุณหภูมิและความชื่นที่เหมาะสม สำหรับในเรื่องของอุณหภูมิ ที่เหมาะสำหรับการฟักไข่ ก็คือ 36.2 องศา ความชื้น 40 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งจะใช้ระยะเวลา ในการฟักอยู่ที่ 41 – 43 วัน และอุณหภูมิที่ 35 องศา ความชื้น 40เปอร์เซ็นต์ จะใช้เวลาในการฟักอยู่ที่ 43 – 47 วัน ซึ่งถ้าหากใช้อุณหภูมิที่สูง ก็จะทำให้ นกกระจอกเทศ แรกเกิดตายได้
ดังนั้นแล้ว การเลี้ยง นกกระจอกเทศ จึงสามารถทำได้แล้วที่ไทย แต่ทั้งนี้แล้ว ก็ต้องมีการเลี้ยงดู และให้อาหาร ที่พอเหมาะ และในปริมาณที่ถูกต้อง จึงจะทำให้การเลี้ยง นกกระจอกเทศ ประสบความสำเร็จ ซึ่งก่อนที่จะเริ่มลงมือนั้น ควรที่จะมีการศึกษามาอย่างดีก่อน