รู้จัก แบรคิโอพอด สิ่งมีชีวิตดึกดำบรรพ์ที่เหมือนหอยกาบ
แบรคิโอพอด (Brachiopod) มาจากคำในภาษาละตินสองคำ ได้แก่ “brachium” ที่แปลว่า “แขน” และ “poda” ที่แปลว่า “เท้า” เป็นสัตว์ไม่มีกระดูสันหลังอาศัยอยู่ในทะเล มีสองฝา หรือเรียกง่าย ๆ ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตประเภท “หอย” นั่นเอง แต่สำหรับเจ้าหอยชนิดนี้เป็นหอยดึกดำบรรพ์ที่มีลักษณะภายนอกคล้ายกับ “หอยกาบคู่” แต่ที่จริงแล้วไม่มีความเกี่ยวข้องกันแต่อย่างใด โดยจากการศึกษาของนักบรรพชีวินวิทยาระบุว่า หอยดึกดำบรรพ์ชนิดนี้น่าจะสูญพันธุ์ไปแล้วถึงร้อยละ 99 หลงเหลือไว้เพียงแค่ซากฟอสซิลเท่านั้น ฉะนั้นวันนี้เราจะไปทำความรู้จักกับเจ้าหอยรุ่นพระเจ้าเหาชนิดนี้กัน
แบรคิโอพอด แตกต่างจาก “หอยกาบคู่” ในปัจจุบันอย่างไร?
สำหรับความแตกต่างของแบรคิโอพอด กับ “หอยกาบคู่” ที่พบได้ทั่วไปในปัจจุบันนั้น โดยทั่วไปหอยกาบคู่จะมีฝาทั้งสองข้างอยู่ระนาบสมมาตรกัน ส่วนหอยดึกดำบรรพ์จะมีระนาบสมมาตรด้านข้าง คือเป็นระนาบสมมาตรตั้งฉากกับแนวหับเผย ความแตกต่างที่ชัดเจนอีกอย่างหนึ่งของหอยทั้งสองตระกูลนี้ก็คือ หอยกาบคู่สามารถเคลื่อนที่ไปได้อย่างอิสระด้วยเนื้อเยื่อที่ทำหน้าที่เป็นเท้า ส่วนหอยดึกดำบรรพ์จะยึดเกาะกับพื้นทะเลโดยใช้อวัวะที่มีลักษณะคล้ายก้านเนื้อเยื่อยื่นออกไปยึดกับพื้นไว้ นอกจากนี้เปลือกฝาของหอยดึกดำบรรพ์แบรคิโอพอดส่วนใหญ่มักประกอบด้วยสารแคลเซี่ยมเฟสเฟตหรือไม่ก็สารแคลเซียมคาร์บอเนตขณะที่เปลือกฝาของหอยกาบคู่ส่วนใหญ่จะประกอบด้วยสารแคลเซียมคาร์บอเนตอย่างเดียว
ทั้งนี้ซากดึกดำบรรพ์ของแบรคิโอพอด ที่เก่าแก่ที่สุดสามารถย้อนกไปถึงช่วงต้นของยุคแคมเบรียน (carbian period) ประมาณ 541 – 485.4 ล้านปีก่อน ซึ่งการกำเนิดของหอยชนิดนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัด แต่นักบรรพชีวินวิทยาสันนิษฐานว่า มันน่าจะมีบรรพบุรุษเป็น “ทากโบราณ” (armored slug) อย่างไรก็ตาม หอยดึกดำบรรพ์ชนิดนี้ได้ลดจำนวนลงอย่างมากในช่วงการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่เมื่อสิ้นสุดยุคเพอร์เมียนเมื่อประมาณ 298.9 – 252.17 ล้านปีก่อน
ซึ่งมีการค้นพบซากฟอสซิลของหอยชนิดนี้จำนวนมากและหลากหลายสายพันธุ์มากกว่าหอยกาบคู่ในปัจจุบันด้วยซ้ำ จนกระทั่งเข้ามหายุคมีโซโซอิกเมื่อประมาณ 252.17 – 66 ล้านปีก่อน จำนวนและความหลากหลายของ แบรคิโอพอด ได้ลดลต่อเนื่อง ส่วนใหญ่จะถูกแทนที่โดยหอยกาบคู่ที่วิวัฒนาการจนสามารถหาอาหารด้วยอวัยวะกรอง และขับไล่หอยดึกดำบรรพ์ให้ออกจากถิ่นฐานเดิมของมัน จนกระทั่งหอยดึกดำบรรพ์ส่วนใหญ่ทยอยสูญพันธุ์ไปจนหมดในระยะเวลา 100 ล้านปี หลงเหลือเพียงซากฟอสซิล