
เลี้ยงนกกระจอกเทศ
สำหรับการเลี้ยง นกกระจอกเทศ นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย โดย นกกระจอกเทศ ชื่อภาษาอังกฤษ ว่า ostrich และ นกกระจอกเทศ ชื่อทางวิทยาศาสตร์ ว่า Struthio camelus เป็นสัตว์ปีกที่มีถิ่นกำเนิดมาจากแอฟริกา และเป็นสัตว์ปีกที่มีนิสัยดุร้าย เข้าถึงตัวได้ยาก จึงทำให้ต้องมีการเลี้ยง ดูเอาใจใส่เป็นอย่างดี แต่ทั้งนี้แล้ว การเลี้ยงดูก็จะแตกต่างกันไป ตามช่วงอายุของพันธุ์ โดยทางเราก็ได้ทำ การรวบรวมข้อมูลที่ ใช้ในการเลี้ยง นกกระจอกเทศ ตั้งแต่ช่วง 1 เดือน – 2 ปีขึ้นไป มาให้คุณได้ทำการศึกษากัน ดังนี้
การเลี้ยงนกกระจอกเทศในช่วงวัย 1-3 เดือน
เป็นวัยที่ไม่ต้องอยู่ในเครื่องกกอีกต่อไป ซึ่งการจะนำเครื่องกกออกนั้น จะต้องทำด้วยความระมัดระวัง เป็นอย่างมาก โดยขั้นตอนจะมี ดังต่อไปนี้
- ทำการนำเครื่องกกออก หลังจากนั้น ให้สังเกตอาการ ลูกนกกระจอกเทศ แต่ละตัว ว่ามีอาการผิดปกติไหมหากพบให้รีบทำการรักษาโดยด่วน
- สำหรับภาชนะที่ให้อาหารและน้ำนั้น ควรจะทำความสะอาดภาชนะ ที่ใส่อาหารอย่างน้อย 1 ครั้ง ทำความสะอาดภาชนะ ใส่น้ำอย่างน้อย 2 ครั้ง ซึ่งการให้อาหารนั้น ควรจะให้ครั้งละน้อยๆ แต่ให้วันละ 4 – 5 ครั้ง ส่วนน้ำจะต้องมีตลอดเวลา
- เมื่อลูกกนกระจอกเทศ แข็งแรงสมบูรณ์แล้ว ก็ควรที่จะนำลูกนก ออกไปวิ่งเล่นข้างนอกบ้าง เพื่อร่างกายที่จะได้แข็งแรงมากขึ้น
- หมั่นตรวจสุขภาพของลูกนก เป็นประจำทุกวัน และตรวจสภาพแวดล้อม ที่ลูกนกอาศัยอยู่ว่า มีการระบายอากาศดีไหม รวมไปถึงวัสดุรองพื้น อีกทั้ง ยังต้องมีการบันทึกการตาย การกิน การยกหรือให้วัคซีน เพื่อให้สามารถทำการรักษา ได้เมื่อลูกนกเจ็บป่วย
การเลี้ยงนกกระจอกเทศในช่วงวัย 4-23 เดือน
เป็นวัยที่จะต้องได้รับการดูแล และเอาใจใส่ เป็นอย่างมาก เพราะเป็นช่วงวัยที่ นกกระจอกเทศ จะเจริญเติบโตได้เร็วมาก ทำให้มีปัญหาในเรื่องของขา ที่รับน้ำหนักตัวไม่ค่อยไหว โดยขั้นตอนในการดูแล ลูกนกในวัยนี้ ดังนี้
- ให้อาหารที่มีพลังงาน 2,400 กิโลแคลลอรี่ และให้พวกหญ้าแห้ง หรือหญ้าสดไปด้วย อีกทั้ง ยังต้องมีการควบคุมน้ำหนัก เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาที่ขา นั่นเอง เพราะช่วงขายังมีการพัฒนา ที่ไม่เต็มที่นัก
- มีการรวบคุมระบบ ระบายอากาศ ภายในโรงเรือน และยังต้องมีการดูแล สภาพแวดล้อมภายนอก ไม่ให้พวกเศษวัสดุ ที่อาจเป็นอันตรายต่อนกได้ เช่น เศษผ้า ตะปู เป็นต้น
- จัดสรรพื้นที่ให้เหมาะสม ด้วยการให้พื้นที่ตัวละ 1.5 ตร.ม. อีกทั้ง ยังต้องมีการจัดพื้นที่ในโรงเรือน และพื้นที่ให้วิ่งอีกตัวละ 200 ตร.ม. และไม่ควรเลี้ยงรวมกันเกิน 40 ตัว
- มีการเพิ่มภาชนะ สำหรับการให้อาหาร และน้ำที่เหมาะสม กับจำนวนตัวที่เลี้ยง และในเวลากลางคืน ไม่ควรมีเปิดไฟ บริเวณที่เลี้ยงนกกระจอกเทศ
- มีการจดบันทึกการตาย การกิน และข้อมูลอื่นๆ รวมทั้งความผิดปกติของนกแต่ละตัวด้วย
การเลี้ยงนกกระจอกเทศพ่อพันธุ์-แม่พันธุ์ ที่มีอายุตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไป
โดยในวัยนี้เริ่มที่จะเข้าสู้ช่วงผสมพันธุ์ได้แล้ว โดยเพศเมียจะโตเต็มวัย 2 ปีและเพศผู้จะโต 2.5 ปี อีกทั้ง ยังสามารถให้ผลผลิตได้อีกด้วย ซึ่งการให้ผลผลิตของ นกกระจอกเทศ นั้น จะยาวนานถึง 40 ปี ดังนั้นแล้ว จึงต้องมีการเลี้ยงดูด้วยวิธีที่ถูกต้อง
- ควรให้อาหารที่ให้พลังงานที่ 2,300 – 2,600 กิโลแคลลอรี่ ควบคู่กับการให้หญ้าสด และต้องมีหินเกล็ด ให้นกจิกเพื่อช่วยย่อย ในส่วนกระเพาะบด
- อัตราในการผสมพันธุ์คือ ตัวผู้ 1 ตัวต่อตัวเมีย 1-3 ตัว
- จัดพื้นที่ในโรงเรือนด้วยขนาดตัวละ 5 – 8 ตร.ม. และลานสำหรับวิ่งเล่น 400 – 500 ตร.ม. และควรเลี้ยงแค่ 2 – 4 ตัวต่อฝูง
- เมื่อเพศเมีย มีการวางไข่ ให้ทำการเก็บไข่ออกทุกวัน เพื่อทำการเตรียมการฟักตัว แต่ทั้งนี้แล้ว ก็ควรที่จะมีการนำไข่ปลอม มาวางหลอกเพื่อให้ตัวแม่ ออกไข่อยู่ตลอด
- มีการตรวจเช็คพื้นที่แ ละสภาพอากาศโดยรอบโรงเรือน และมีการตรวจสุขภาพ และความผิดปกติ พร้อมจดบันทึกอยู่ตลอด
https://sites.google.com/site/sirindasss33/sthan-thi-thxng-theiyw/farm-nk-kracxk-thes-nkhrswrrkh
ดังนั้นแล้ว การเลี้ยง นกกระจอกเทศ นั้นจึงไม่ใช่เรื่องที่ง่ายอย่างที่คิด เพราะนกกระจอกเทศเป็น สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ ต้องการการได้รับความดูแล อย่างถูกต้อง และเอาใจใส่ ฉะนั้นแล้ว สำหรับใครที่อยากจะเลี้ยง นกกระจอกเทศ จึงต้องมีการศึกษามาอย่างดี และพื้นที่เตรียมพร้อมกับการดูแล